
ไก่ชนบาหลี ในเสี้ยวสังเกต
ตีไก่ เป็นการชิงชัยระหว่างกลุ่มของผู้คน เครือญาติ พวก หมู่บ้าน การที่คน บ้า ไก่ชน ฟูมฟักรักษาไก่เปรียบเสมือนดูแลเด็ก เล็ก พินิจพิจารณาได้ว่า เขามองดูไก่เป็นภาพ สะท้อนของตนที่จำต้องต่อสู้ แข่ง แย่ง เพื่อได้สถานภาพที่ดี
วัฒนธรรมเป็นความหมาย แนวความคิดและก็กรรมวิธีของ คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ ของ ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ช่วย ทำให้พวกเรารู้เรื่องท่าทางด้านในแล้วก็อารมณ์ความรู้สึกของชาวเกาะบาหลีผ่านการวิเคราะห์ สังคม–วัฒนธรรมการเดิมพันตีไก่ในงานนิพนธ์ของนักมานุษยวิทยามีชื่อเสียง คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ (Clifford Geertz) เรื่อง Deep Play Notes on the Balinese Cockfight ในหนังสือ The Interpretation of Cultures
จากการไปเยี่ยมเกาะบาหลีในม.ย. พุทธศักราช2501 (คริสต์ศักราช1958) เกียร์ซรวมทั้ง เมียพบว่า พวกเขาได้รับ “การต้อนรับ” อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าโน่นไม่ใช่ การยินยอมรับ ชาวเกาะบาหลีมิได้กันเองหรือนับและคู่ให้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชุมชน จวบจนกระทั่ง วันหนึ่งเกียร์ซได้เข้าไปร่วมกลุ่มลักลอบพนันตีไก่ที่แม้ว่าจะไม่ถูกกฎหมายแต่ว่าก็ประสบพบเห็น กันเป็นประจำทุกแห่งทุกหน เป็นการตีไก่ที่รุนแรง ร้ายแรง โชกเลือด ด้วยเหตุว่ามีการผูกใบ มีดโกนคมมากไว้ที่ขาไก่เพื่อรังแกคู่ปรปักษ์ ในวันนั้นตำรวจบุกเข้าจับตัวทำให้ทุก คนจะต้องวิ่งหนี เขารอดมาได้ด้วยความให้การช่วยเหลือจากชาวเกาะบาหลีครอบครัวหนึ่ง การ ร่วมเผชิญภัยหนีตำรวจร่วมกันกับราษฎรในตอนนั้นเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เกียร์ซ ได้รับการยินยอมรับ จากผู้ที่โน่นจริงๆ
เกียร์ซพินิจพิจารณาให้มีความเห็นว่า ในมิติทางด้านสังคม–วัฒนธรรมเกาะบาหลี การชนไก่เป็น พิธีการเพื่อบวงสรวง ซึ่งจำเป็นต้องจัดให้มีก่อนงานรื่นเริงที่วัด (temple festival) ทุกหนไป การชนไก่ในรูปแบบนี้ไม่นับว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการต่อสู้ของไก่ กลุ่มของผู้คนที่ร่วม การเดิมพันพนันขันต่อ ล้วนแต่เปรียบได้เสมือนดั่งการแสดงละครที่สะท้อนความวิตก เกี่ยวกับฐานะทางสังคม ซึ่งเชื่อมโยงถึงเรื่องความตาย การเกลียดชังบ้าคลั่ง ความวางท่า ความเป็นผู้ชาย ความสัมพันธ์ของคนภายในชุมชน ความกรุณา ตลอดจน ชะตากรรม อื่นๆอีกมากมาย นั่นเอง